โทรศัพท์ : 074-366555 มือถือ : 086-4614885

หัวข้อต่างๆ

บทความละเมิดเรียกค่าเสียหาย


ข้อเท็จจริงและประเด็นคำถาม:

ข้อเท็จจริง  ผู้ร้องเป็นญาติของผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุรถชน เหตุเกิด ณ อำเภอบ่อพลอย จังหวัดกาญจนบุรี โดยรถจักรยานยนต์ของญาติผู้ร้องจอดรอข้ามทางอยู่ข้างถนนซึ่งมีลักษณะเป็นถนนร่วม 2 เลน ได้มีรถยนต์กระบะขับรถมาตามถนน ต่อมาในขณะนั้นรถจักรยานยนต์ที่ขับขี่มาในช่องทางเดียวกันได้ขับรถตัดหน้ารถกระบะ ทำให้รถกระบะชนกับรถจักรยานยนต์คันที่ตัดหน้า และเสียหลักวิ่งลงข้างทางมาชนรถจักรยานยนต์ของญาติผู้ร้องที่จอดอยู่ ทำให้มีผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุ 3 คน และเกิดความเสียหายแก่ทรัพย์สิน ดังนี้

1. รถจักรยานยนต์ที่ตัดหน้า ได้รับความเสียหาย แต่คนขับขี่และคนซ้อนท้ายเสียชีวิต 2 ศพ

2. รถจักรยานยนต์ญาติผู้ร้อง ได้รับความเสียหาย และมีผู้เสียชีวิต1 ศพ มีผู้บาดเจ็บสาหัส(รักษาอยู่ใน ICU) 1 ราย

3. รถกระบะ หน้ารถยุบ มีผู้บาดเจ็บ 1ราย

 

ประเด็นคำถาม

1. ทางรถกระบะจะปฏิเสธความรับผิดชอบ โดยเรียกร้องให้รถจักรยานยนต์คันที่ตัดหน้าที่รับผิดในความเสียหายได้หรือไม่

2. ทางญาติผู้เสียชีวิตสามารถเรียกร้องค่าเสียหายในชีวิตและทรัพย์สินจากใครได้บ้าง และเรียกร้องตามสิทธิได้สูงสุดเท่าไหร่

 2.1 พ.ร.บ.ผู้ประสบภัยจากรถเรียกร้องได้เท่าไหร่ จากฝ่ายไหน

 2.2 บริษัทประกันรถยนต์กระบะ (มีประกันชั้นหนึ่ง) แต่ไม่ทราบว่าจะปฏิเสธความรับผิดชอบตามที่กล่าวอ้างได้หรือไม่ เพราะอ้างว่าเกิดจากรถจักรยานยนต์คันที่วิ่งตัดหน้าทำให้รถเสียหลักมาชนรถญาติที่จอดอยู่เฉยๆ และถ้าเรียกชดใช้ค่าเสียหาย “เสียชีวิต” จะสามารถเรียกร้องได้สูงสุดเท่าไหร่

3. แนวทางต่อสู้คดีในการดำเนินคดีกับรถกระบะ เพราะรถกระบะจะปฏิเสธความรับผิดชอบทั้งหมด โดยอ้างว่าต้นเหตุมาจากมีรถจักรยานยนต์วิ่งตัดหน้า ทำให้รถเสียหลักมาชนญาติผู้ร้องจนเสียชีวิต

 

ความเห็นและข้อเสนอแนะ:

ข้อกฎหมาย

ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 8, 437, 438, 439, 443

พระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ พ.ศ. 2535 มาตรา 20, 23, 25

กฎกระทรวง กำหนดความเสียหายที่จะให้ได้รับค่าเสียหายเบื้องต้น จำนวนเงินค่าเสียหายเบื้องต้น การร้องขอรับและการจ่ายค่าเสียหายเบื้องต้น พ.ศ. 2552 ข้อ 2(2), ข้อ 3(2)

 

การดำเนินการให้คำปรึกษาให้คำปรึกษา

 1.จากข้อเท็จจริงในขณะเกิดเหตุ การที่รถจักรยานยนต์ได้ขับขี่มาในช่อทางเดียวกับรถกระบะแล้วเปลี่ยนช่องการเดินรถกะทันหันอันมีลักษณะเป็นการขับตัดหน้าเป็นเหตุให้รถกระบะที่ขับมาด้วยความเร็วชนกับรถจักรยานยนต์คันที่ตัดหน้าอันทำให้ผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์และผู้ซ้อนท้ายเสียชีวิตทันทีในที่เกิดเหตุ 2 ศพ กรณีนี้เป็นการกระทำโดยประมาทปราศจากความระมัดระวังของผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ ที่เปลี่ยนช่องทางเดินรถโดยไม่ตรวจสอบรถที่แล่นตามหลังมา ซึ่งตามภาวะ วิสัย และพฤติการณ์ผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์อาจใช้ความระมัดระวังในการขับขี่โดยการสังเกตรถที่แล่นตามมาได้ แต่หาได้ใช้ความระมัดระวังอย่างเพียงพอไม่ จึงเป็นการกระทำโดยประมาทจึงต้องมีความรับผิดทางอาญาฐานกระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแต่ความตายต่อผู้ที่นั่งซ้อนท้ายและญาติผู้ร้องที่ถูกรถกระบะชนจนถึงแก่ความตาย อันถือได้ว่าเป็นผลโดยตรงของผู้ที่ขับขี่จักยานยนต์กระทำโดยประมาททั้งสิ้น แต่อย่างไรก็ตาม โทษทางอาญาย่อมเป็นอันระงับไปด้วยความตายของผู้กระทำความผิด จึงไม่สามารถดำเนินคดีต่อผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ได้

ส่วนรถกระบะที่ขับมาหากใช้ความระมัดระวังในการขับขี่แล้ว โดยใช้ความเร็วปกติและไม่สามรถหักหลบให้พ้นการชนได้ ย่อมถือไม่ได้ว่ากระทำโดยประมาทเนื่องจากบุคคลที่ถูกรถขับตัดหน้าอย่างกะทันหัน ย่อมไม่สามารถใช้ความระมัดระวังได้ดีอย่างเช่นบุคคลที่ขับในภาวะปกติทั่วไป ผู้ขับรถกระบะจึงมิได้กระทำโดยประมาทแต่เป็นเหตุสุดวิสัยอันไม่สามารถป้องกันได้

หากจะพิจารณาในความรับผิดในทางละเมิดแล้ว ผู้ที่ต้องรับผิดคือทายาทของผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์เพราะถือว่าเป็นผู้รับหน้าที่ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนอันเกิดจากการกระทำละเมิด แต่อย่างไรก็ตาม ทายาทย่อมไม่ต้องรับผิดเกินกว่าทรัพย์มรดกที่ตกแก่ตน หากหนี้อันเกิดจากการละเมิดดังกล่าวมีมากกว่าทรัพย์สินที่ตนจะได้รับ หนี้ในส่วนต่าง ทายาทไม่ต้องรับผิดเป็นส่วนตัว

 ดังนั้นสรุปได้ในเบื้องต้นว่า (ข้อเท็จจริงอาจเปลี่ยนได้ หากผู้ร้องให้มาไม่ครบถ้วน) ผู้ที่ขับรถกระบะอาจไม่ต้องรับผิดในค่าสินไหมทดแทนอันเกิดขึ้นทั้งหมด ส่วนผู้ที่มีหน้าที่ต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนทั้งหมดอาจเป็นผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์

 ทั้งนี้ข้อเท็จจริงส่วนนี้เป็นข้อเท็จจริงสำคัญและเป็นประเด็นสำคัญในคดี การให้ข้อเท็จจริงไม่ครบถ้วนอาจทำให้ทำปรึกษาในส่วนนี้คลาดเคลื่อน ควรโทรมาปรึกษาที่ ศูนย์นิติศาสตร์ที่เบอร์ 02 6132128 ในวันและเวลาราชการโดยตรง หรือเข้ามาปรึกษากฎหมายด้วยตนเองที่ ศูนย์นิติศาสตร์ คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์           (ท่าพระจันทร์)

 2. การใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่ญาติผู้ร้องผู้ที่ได้รับความเสียหายในกรณีถึงแก่ความตายนั้น ตามมาตรา 443 กำหนดให้ใช้ค่าสินไหมทดแทน ได้แก่ ค่าปลงศพ รวมถึงค่าใช้จ่ายอันจำเป็นอื่นๆในการจัดการศพด้วย หากผู้ตายมีผู้ต้องอุปการะ และการตายนั้นทำให้บุคคลนั้นต้องขาดไร้อุปการะ ก็สามารถเรียกค่าขาดไร้อุปการะได้อีกด้วย

ในส่วนความเสียหายที่เกิดกับทรัพย์ของญาติผู้ร้อง ตามมาตรา 439 บุคคลผู้ทำละเมิดต้องรับผิดในการคืนทรัพย์สินที่ต้องเสียไปเพราะเหตุละเมิดนั้นรวมถึงการที่ทรัพย์ถูกทำลายเพราะอุบัติเหตุด้วย หากคืนไม่ได้ก็ให้ใช้ราคาแทน ฉะนั้นทางญาติผู้เสียชีวิตก็สามารถเรียกค่าสินไหมทดแทนในส่วนนี้ได้อีกด้วย

 ดังนั้นทางญาติผู้ร้องสามารถเรียกร้อง ค่าปลงศพ ค่าใช้จ่ายอันจำเป็นอื่นๆ ค่าขาดไร้อุปการะ ค่าทรัพย์สินเสียหาย ซึ่งศาลจะวินิจฉัยให้จำเลยใช้ค่าสินไหมทดแทนตามควรแห่งพฤติการณ์และความร้ายแรงแห่งละเมิด ตามมาตรา 438

 2.1 ตามพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ พ.ศ.2535 มาตรา 20 กำหนดให้บริษัทประกันภัยที่รับประกันอุบัติเหตุกับรถจักรยายนต์ของญาติผู้ร้องจ่ายค่าเสียหายเบื้องต้นให้กับญาติผู้ร้องซึ่งเป็นผู้ประสบภัย อัตราค่าเสียหายเบื้องต้นกำหนดไว้ในกฎกระทรวงกำหนดความเสียหายที่จะให้ได้รับค่าเสียหายเบื้องต้น จำนวนเงินค่าเสียหายเบื้องต้น การร้องขอรับและการจ่ายค่าเสียหายเบื้องต้น พ.ศ. 2552 ข้อ 2(2) และ ข้อ 3(2)ให้ค่าเสียหายเบื้องต้นของกรณีเสียชีวิตทันทีได้แก่ ค่าปลงศพ และค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการจัดการศพ จำนวน 35,000 บาท ซึ่งจะต้องดำเนินการจ่ายภายใน 7 วัน นับแต่วันที่ได้รับเรื่องร้องขอ โดยไม่ต้องพิสูจน์ความผิดก่อน ตามมาตรา 25 แต่หากบริษัทประกันภัยไม่จ่ายค่าเสียหายเบื้องต้นดังกล่าว ตามมาตรา 21 ประกอบมาตรา 23 ทางญาติผู้ร้องซึ่งเป็นทายาทจะแจ้งการไม่ได้รับค่าเสียหายเบื้องต้นและดำเนินการร้องขอต่อกองทุนคุ้มครองทดแทนผู้ประสบภัยเพื่อขอรับค่าเสียหายเบื้องต้นก็ได้

 2.2 บริษัทประกันภัยรถกระบะ(อาจ)ต้องร่วมรับผิดในความเสียหายเพื่อละเมิดที่เกิดจากการกระทำละเมิดของผู้ขับรถกระบะตามสัญญาประกันภัยที่ทำไว้ ซึ่งกรณีของความเสียหายต่อชีวิต ซึ่งโดยปกติสัญญาประกันภัยจะกำหนดวงเงินชดใช้จำนวนหนึ่งไว้ การที่ญาติผู้ร้องซึ่งเป็นทายาทจะเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนจากการตายของญาติผู้ร้องที่ตายจากบริษัทประกันภัยที่ประกันภัยรถกระบะได้เมื่อพิสูจน์ได้ว่าผู้ขับรถกระบะกระทำละเมิดจริง และเรียกร้องได้ตามจำนวนวงเงินสูงสุดที่กำหนดไว้ในสัญญาประกันภัย หากพิสูจน์ได้ว่าผู้ขับรถกระบะไม่ได้กระทำละเมิด ก็สามารถปฏิเสธความรับผิดตามสัญญาประกันภัยได้

3. แนวทางดำเนินคดีละเมิด ให้ทายาทของญาติผู้ร้องที่ถึงแก่ความตายดำเนินการฟ้องร้องบังคับให้ผู้ขับรถยนต์กระบะ(หากมีข้อเท็จจริงเพิ่มเติมว่ามีส่วนประมาทรวมอยู่ด้วย) , ทายาทของผู้ขับรถจักรยานยนต์ที่ตัดหน้า และบริษัทประกันภัย ทั้งของรถยนต์กระบะและรถจักรยานยนต์คันที่ปาดหน้า ให้ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนเพื่อละเมิดและสัญญาประกันภัย โดยญาติผู้ร้องซึ่งเป็นโจทก์ในคดีนี้ต้องรวบรวมพยานหลักฐานแสดงให้ศาลเห็นและเชื่อได้ว่าความเสียหายเกิดขึ้นเพราะการกระทำของผู้ขับรถยนต์กระบะและผู้ขับขี่รถยนต์ปาดหน้า และต้องแจกแจงความเสียหายที่เกิดขึ้นจริง ด้วยความจริง ต่อศาล

ขอบคุณบทความจาก คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์